
องค์กรไทยจำนวนมากกำลังเข้าสู่ยุคที่ เริ่มใช้ AI ในองค์กร ไม่ใช่แค่คำที่ถูกพูดถึงในวงสัมมนาหรือในข่าวเทคโนโลยีเท่านั้น แต่กำลังถูกนำมาใช้อย่างจริงจังในการทำงานจริงของหลายองค์กร ตั้งแต่ SMEs ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ แต่คำถามที่ผู้บริหารหลายคนยังค้างคาใจคือ “ควรเริ่มจากทีมไหนก่อนถึงจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและรวดเร็วที่สุด?”
การเริ่มต้นที่ถูกต้องจะทำให้พนักงานในองค์กรมั่นใจและยินดีรับ AI เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน แต่หากเลือกผิดจุดหมาย อาจทำให้ AI ถูกมองว่าเป็นแค่ “ของเล่นราคาแพง” เท่านั้น
ทีมที่ควร เริ่มใช้งาน AI ในองค์กร เป็นอันดับแรก
- ฝ่ายขาย (Sales) ฝ่ายขายคือแผนกแรกที่องค์กรส่วนใหญ่จะเห็น ROI จากการใช้ AI ได้เร็วที่สุด เพราะงานขายเต็มไปด้วยงานซ้ำ ๆ มีการแข่งขันสูง และต้องการความรวดเร็วและแม่นยำในการปิดดีล
ตัวอย่างการใช้ AI ในฝ่ายขาย ได้แก่:
- สรุปข้อมูลสำคัญจากเอกสารประกอบการขาย เพื่อให้เซลส์เตรียมตัวได้อย่างรวดเร็ว
- วิเคราะห์และแนะนำแนวทางการจัดการข้อโต้แย้ง (Objection Handling) ช่วยให้เซลส์ตอบได้แม่นยำ
- สร้างอีเมลติดตามผลและ proposal แบบรวดเร็วและ personalize ตามลูกค้าแต่ละราย
ผลลัพธ์: ฝ่ายขายทำงานได้เร็วขึ้นถึง 3 เท่า โดยวัดผลได้ทันทีผ่านอัตรา Conversion และเวลาที่ใช้ในการปิดดีลที่ลดลงตั้งแต่ไตรมาสแรก
- ฝ่ายบริการลูกค้า (Customer Support) แผนกบริการลูกค้าต้องเผชิญกับคำถามซ้ำ ๆ ที่เข้ามาต่อเนื่อง การนำ AI มาช่วยตอบคำถามแรก (First Line Response) ทำให้ตอบได้ทันทีภายในเวลา 1 วินาที ช่วยยกระดับการให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการใช้ AI ในทีมบริการลูกค้า:
- ตอบคำถาม FAQ แบบ real-time ตลอด 24 ชั่วโมง
- ดึงข้อมูลจากไฟล์เอกสารหรือฐานข้อมูลบริษัทมาตอบคำถามได้อย่างแม่นยำ
- สรุปเคสลูกค้าและส่งต่อให้ทีมที่เกี่ยวข้องได้รวดเร็ว
ผลลัพธ์: ลด workload ของพนักงาน และเพิ่มระดับความพึงพอใจของลูกค้า โดยวัดผลได้ผ่าน Response Time และ Customer Satisfaction Score
- ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) HR เป็นอีกทีมที่มีงานเอกสารและงานประจำจำนวนมากที่สามารถใช้ AI มาช่วยบริหารจัดการได้ทันที เช่น
- การสรุป JD และ onboarding guide ให้พนักงานใหม่
- วิเคราะห์ข้อมูลจาก Employee Survey เพื่อหา insight และความต้องการจริงของพนักงาน
- ช่วยจัดทำแบบฟอร์ม เอกสาร และตอบคำถามซ้ำ ๆ เช่น ข้อมูลการลาพักร้อนหรือสวัสดิการต่าง ๆ
ผลลัพธ์: พนักงาน HR มีเวลามากขึ้นในการทำงานเชิงกลยุทธ์ สามารถวัดผลได้ทันทีผ่านเวลาเฉลี่ยที่ลดลงต่อ task และการเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
เหตุผลที่ทั้ง 3 ทีมนี้เหมาะที่สุดในการเริ่มต้น
- มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับให้ AI เรียนรู้ได้ทันที
- แรงต้านการเปลี่ยนแปลงต่ำ เนื่องจากเห็นประโยชน์ชัดเจน
- ผลลัพธ์จากการนำ AI มาใช้งานสามารถวัดผลได้เป็นรูปธรรมในเวลาอันสั้น
JIB AI เข้ามาช่วยองค์กรในการเริ่มต้นใช้งาน AI ได้อย่างไร?
JIB AI ถูกออกแบบมาให้เป็น “AI Gateway” ที่ใช้งานง่ายสำหรับทุกคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายบริการลูกค้า หรือฝ่าย HR ด้วยฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้การ เริ่มใช้ AI ในองค์กร เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนที่สุด:
- MY AI: AI Assistant ส่วนตัวที่พนักงานแต่ละคนสามารถสร้างและใช้งานได้ทันที พร้อมฟีเจอร์ RAG ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลและเอกสารภายในองค์กร
- AI KM: ระบบที่รวมข้อมูลความรู้ทั้งหมดขององค์กรไว้ในที่เดียว ให้พนักงานสามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
- AI ADMIN: ผู้ช่วยที่สามารถตอบคำถามพื้นฐานหรือซ้ำ ๆ ในองค์กร ช่วยลด workload ของฝ่าย HR และ Customer Support ได้ทันที
- ระบบ Pool Token: ช่วยลดต้นทุนการใช้งาน AI ลงได้มากกว่า 90% เมื่อเทียบกับการสมัครรายบุคคลแบบแยกต่างหาก
ด้วยการเริ่มต้นที่ถูกต้องกับ JIB AI คุณจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและเพิ่ม Productivity ในองค์กรของคุณอย่างชัดเจนภายในเวลาไม่กี่เดือนแรก
อย่าปล่อยให้ AI เป็นแค่การทดลองที่ไม่เกิดผล แต่ให้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงองค์กรของคุณให้ก้าวหน้าขึ้นอย่างแท้จริง
สนใจรายละเอียด JIB AI: Super AI สำหรับพนักงานทุกคนในองค์กรของคุณ คลิก